ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส อดีตแชมป์โลกปี 2018 ฟอร์มร้อนแรงสุด ๆ

ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส

ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทีมฟุตบอลทรงพลังทีมนึงของโลก แม้ว่าผลงานล่าสุดจะพ่ายให้แก่อาเจนติน่า แต่พวกเขาก็สามารถพาทีมไปถึงตำแหน่งรองชนะเลิศในครั้งก่อน แต่หากลองมองย้อนไปครั้งก่อนหน้านี้ใน ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 21 เมื่อปี 2018 บอลทีมชาติฝรั่งเศส ถือว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุด โดยในปีนั้นพวกเขาสามารถคว้าถ้วยแชมป์มาได้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งบทความนี้จะไปลองวิเคราะห์กันดูว่าสถานการณ์และการเดินเกมส์ของฝรั่งเศสสู่เส้นทางแชมป์โลกในตอนนั้นเป็นอย่างไร แล้วเพราะอะไรที่ทำให้พวกเขาได้แชมป์ในปีนั้น

ทีมชาติฝรั่งเศสกับหนทางสู่แชมป์โลกปี 2018

บอลทีมชาติฝรั่งเศส ในปี 2018 ภายใต้การนำของ “ดีดีเยร์ เดส์ชองส์” อดีตกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสที่เคยพาทีมคว้าแชมป์มาแล้วเมื่อปี 1998 โดยในการแข่งขันเมื่อปี 2018 เขาได้รับบทบาทให้เป็นกุนซือผู้ฝึกซ้อมโดยวางกลยุทธ์เน้นความสมดุลระหว่างผู้เล่นที่มีประสบการณ์และนักเตะดาวเด่นที่มีทักษะโดดเด่น โดยเขาใช้ระบบการเล่นแบบ 4-3-3 ให้กองกลางมีบทบาทสำคัญในการคุมเกมส์

เดส์ชองส์เตรียมความพร้อมแก่ทีม โดยเน้นการวางระบบ 4-3-3 และ 4-2-3-1 ใช้กองหลังเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง ผสานกับกองกลางเป็นตัวรับ อีกทั้งวางตัวทำเกมรุกที่รวดเร็ว เฉียบคมและมีความหลากหลาย

ในการแข่งขัน ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส เมื่อปี 2018 ฝรั่งเศสต้องแข่งกันในกลุ่ม C พบกับ ออสเตรเลีย เปรูและเดนมาร์ค ก่อนจะเข้าไปชิงชัยเหนืออาเจนติน่าในรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์ 4-3 ในขณะที่การแข่งขันในรอบก่อนรองชนะเลิศ ฝรั่งเศสสามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมเหนือยูเครนขาดลอย 2-0 ส่งผลให้เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ โดยเป็นการพบกันกับเบลเยี่ยม ฝรั่งเศสสามารถเอาชนะด้วยสกอร์ 1-0 

ในส่วนของการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลกฝรั่งเศส พบกับโครเอเชีย พวกเขาถล่มโครเอเชียราบคาบ จนในที่สุดก็สามารถคว้าแชมป์ถ้วยไปครองได้สำเร็จ

ฟอร์มร้อนแรงของฟุตบอลโลกฝรั่งเศสหลังคว้าแชมป์ในปี 2018

หลังจากที่ ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส คว้าแชมป์ไปเมื่อปี 2018 เดสชองส์ยังคงรักษาฟอร์มทีมให้คงความแข็งแกร่ง แม้จะมีบางครั้งที่ตกลงไปบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ปัญหาความขัดแย้งและความไม่ลงตัวของแนวรุกทำฟอร์มทีมตกลงอย่างน่าใจหาย โดยในครั้งนั้นทำพวกเขาตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในทางกลับกัน ผลงานแข่งขันในรายการยูฟ่าเนชั่นลีกในปีเดียวกัน พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่าเนชั่นลีกได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะสเปน 2-1

ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ฝรั่งเศสคืนฟอร์มด้วยการทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ พวกเขาชนะ 7 ครั้ง เสมอ 1 ครั้ง ยังไม่เคยพ่ายให้ใคร

ในขณะที่ทางฝั่ง ฝรั่งเศสบอลโลก ก็ยังคงรักษาฟอร์มแชมป์เก่าได้อย่างสมศักดิ์ศรี ซึ่งผลการแข่งขันในรอบชิงสามารถทำคะแนนเสมอกับอาเจนติน่า 3-3 แม้ว่าจะชวดตำแหน่งแชมป์โลกให้แก่อาเจนติน่าที่ได้ “เมสซี่” พาชนะการดวลจุดโทษในการยิงประตูสำคัญ ทำให้ในครั้งนั้นฝรั่งเศสได้ตำแหน่งรองแชมป์โลกไปครอง

ฝรั่งเศสบอลโลก

นักเตะทีมชาติฝรั่งเศสที่เป็นหัวใจสำคัญในศึกฟุตบอลโลก 2018

การที่ ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส มีฟอร์มทีมที่มั่นคงและแข็งแกร่งจนสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2018 ได้นั้น ส่วนหนึ่งต้องยอมรับเลยว่า “นักเตะ” และ “โค้ช” คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน บอลโลกฝรั่งเศส ไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ ซึ่งหนึ่งในขุนพลหลักที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ “คีเลียน เอ็มบัปเป้” กองหน้าดาวรุ่งผู้มีฝีเท้าที่เฉียบคม

คีเลียน เอ็มบัปเป้ กับความสามารถที่โดดเด่นที่สุดในเวลานั้น

คีเลียน เอ็มบัปเป้ กองหน้าดาวรุ่งที่อายุน้อยที่สุดที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ผลงานของเขาใน ฝรั่งเศสบอลโลก 2018 ลงเล่น 7 นัด ยิงประตูไป 4 ประตู แอสซิสต์ 1 ครั้ง เขาแสดงศักยภาพที่โดดเด่นในการยิงประตูรอบแบ่งกลุ่มเมื่อครั้งพบกับเปรู อีกทั้งการโชว์ฟอร์มระดับเวิร์ลคลาสในรอบ 16 ทีมสุดท้ายและสร้างผลงานที่โดดเด่นใน บอลโลกฝรั่งเศส จากการยิงประตูในรอบชิงชนะเลิศ จนได้รับรางวัล Man of the Match

การจัดทีมอย่างมีประสิทธิภาพของโค้ช ดิดิเยร์ เดส์ชองส์

นอกจากนักเตะที่มีทักษะโดดเด่นแล้ว ต้องยอมรับเลยว่า “ดิดิเยร์ เดส์ชองส์” หัวเรือหลักคือหัวใจสำคัญที่พา ฝรั่งเศส ชุดแชมป์โลก 2018 ครองถ้วยแชมป์ในปีนั้น เขาเป็นทั้งอดีตแชมป์เก่าที่เคยพาฝรั่งเศสคว้าแชมป์มาแล้วเมื่อปี 1998 ซึ่งการมารับบทบาทในฐานะกุนซือของ บอลทีมชาติฝรั่งเศส ในปี 2018 เขาได้ใช้แท็คติกแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1 และ 4-3-3 เน้นเกมรับที่แข็งแกร่ง เกมรุกที่รวดเร็วและการโจมตีกลับที่รวดเร็วของเอ็มบัปเป้และกรีซมันน์

สรุป ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส อดีตแชมป์โลกปี 2018 ที่ร้อนแรงสุด ๆ ในเวลานั้น

ในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 21 ถือว่าเป็นการแข่งขันที่เข้มข้นดุเดือด ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส ได้โชว์ฟอร์มเต็มศักยภาพ ส่วนหนึ่งมาจากแผนการที่แยบยลของเดส์ชองส์ที่วางกลยุทธ์เกมรุกและเกมรับที่ยอดเยี่ยม การจัดการภายในทีมที่เน้นความสมานสามัคคี ซึ่งฟอร์มทีมที่แข็งแกร่งส่งผลต่อการแข่งขันหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลยูโร หรืออย่างใน บอลโลกฝรั่งเศส ในปี 2022 แม้จะไม่สามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ได้ แต่ก็พาทีมไปถึงรอบชิงถึง 2 สมัยติดและมันไม่ใช่เรื่องง่ายในยุคสมัยปัจจุบัน

Facebook
Twitter
LinkedIn
Telegram