ที่สนามฮิวสตันไม่มีตั๋ว Category 4 (ซึ่งปกติเป็นราคาถูกที่สุด) ให้เห็นในการจองรอบนี้ ทำให้ราคาเริ่มต้นของแมตช์ ฟุตบอลโลก 2026 ในสนามนี้ขยับสูงขึ้นทันที:
| คู่แข่งขัน (รอบแบ่งกลุ่ม) | Category 3 (ราคาเริ่มต้น) | Category 1 (ที่นั่งดีที่สุด) |
| เยอรมนี vs คูราเซา | $180 | $500 |
| โปรตุเกส (ทุกนัด) | $265 | $700 |
| กาบูเวร์ดี vs ซาอุดีอาระเบีย | $140 | $450 |
| รอบ 32 ทีม และ รอบ 16 ทีม | $220 | $530 – $620 |
ฝันร้ายของนัดชิงชนะเลิศ (MetLife Stadium)
สำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศนัดชิงชนะเลิศ ราคาเริ่มต้นอาจทำให้คุณต้องคิดหนัก:
- ตั๋วราคาถูกที่สุด: เริ่มต้นที่กว่า $4,000 (ประมาณ 1.4 แสนบาท)
- ที่นั่งคนพิการ (Wheelchair/Easy Access): FIFA คิดราคา เท่ากับที่นั่งปกติ โดยไม่มีส่วนลดพิเศษ (Equal Opportunity Gouger)
- ตลาดรอง (Resale): ในตอนนี้แม้ยังไม่รู้คู่ชิง ราคาตั๋วคู่ในโซนดี ๆ พุ่งไปสูงถึง $40,000 – $80,000 แล้ว
ระบบการจองแบบ “No Backsies”
กฎกติกาของ FIFA ในรอบ Random Selection Draw (11 ธ.ค. 2025 – 13 ม.ค. 2026) มีความเสี่ยงทางการเงินที่แฟนบอลต้องระวัง:
- สมัครลอตเตอรี: คุณเลือกแมตช์ที่ต้องการได้สูงสุด 4 ใบต่อแมตช์ (รวมไม่เกิน 40 ใบตลอดทัวร์นาเมนต์)
- หักเงินอัตโนมัติ: หากคุณได้รับเลือก (ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน) FIFA จะ หักเงินจากบัตรเครดิตที่คุณลงทะเบียนไว้ทันทีในเดือนกุมภาพันธ์ โดยไม่มีการถามย้ำ
- ไม่มีการคืนเงิน: เมื่อถูกหักเงินแล้ว จะไม่สามารถยกเลิกหรือขอคืนเงินได้
บทวิเคราะห์: ทำไมถึงแพงขนาดนี้?
- Dynamic Pricing: ระบบนี้ทำให้ราคาตั๋วพุ่งสูงขึ้นตาม “ชื่อชั้น” ของทีมและสนาม เช่น แมตช์ที่มีโปรตุเกส (คาดว่ามีโรนัลโด้) จะมีราคาสูงกว่าแมตช์อื่นในกลุ่มเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด
- Supporter Tier: ตั๋วราคา $60 มีอยู่จริง แต่มักจะถูกกวาดไปโดยกลุ่มแฟนคลับทางการ หรือหลุดไปอยู่ในตลาดรองซึ่งถูกปั่นราคาขึ้นไปกว่า 4-5 เท่าทันที
- Host Nation Factor: ความต้องการในสหรัฐฯ สูงมาก จนทำให้ราคาตั๋วในตลาด Resale พุ่งไปถึงระดับที่แฟนบอลระดับกลางอาจเข้าไม่ถึง



