อินโดนีเซีย พร้อมล้มยักษ์ใหญ่ ซาอุฯ และ อิรัก ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก

จาการ์ตา. ทีมชาติอินโดนีเซียในฐานะทีมรองบ่อนจะต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบสุดท้าทายในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 รอบสี่โซนเอเชีย ด้วยการพบกับทีมมหาอำนาจอย่าง ซาอุดีอาระเบีย และ อิรัก ที่เมืองเจดดาห์ ในเดือนตุลาคมนี้ หลังจากที่ฝ่าฟันอุปสรรคในรอบที่ผ่านมาด้วยการโค่นคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่างจีนและบาห์เรนสำเร็จ ทีม “การูดา” มุ่งหวังที่จะสร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่และจารึกบทใหม่ในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอินโดนีเซีย

การแข่งขันนัดแรกระหว่างอินโดนีเซียและซาอุดีอาระเบียจะจัดขึ้นในวันพุธที่ 9 ตุลาคม เวลา 00:15 น. ตามเวลาจาการ์ตา เกมนี้คาดว่าจะดุเดือดเนื่องจากทั้งสองทีมมีเป้าหมายเดียวกันคือการเก็บสามคะแนนเต็มในรอบที่สำคัญนี้

จากนั้น อินโดนีเซียจะพบกับอิรักในวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม เวลา 02:30 น. ตามเวลาจาการ์ตา โดยการแข่งขันรอบที่สี่ทั้งหมดจะจัดขึ้นที่สนาม King Abdullah Sports City Stadium เมืองเจดดาห์ และเกมสุดท้ายของรอบนี้จะเป็นการพบกันระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิรักในวันพุธที่ 15 ตุลาคม เวลา 02:30 น. ตามเวลาจาการ์ตา

อินโดนีเซียสามารถผ่านเข้าสู่รอบสี่ได้หลังจากจบอันดับที่สี่ในกลุ่มรอบสาม ด้วยชัยชนะสำคัญ 1-0 เหนือจีนที่สนาม Gelora Bung Karno Stadium เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำคะแนนรวมได้ 12 คะแนน ตามหลังซาอุดีอาระเบียที่มี 13 คะแนน โดยญี่ปุ่นเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มด้วย 23 คะแนน ตามมาด้วยออสเตรเลียที่ 19 คะแนน ซึ่งทั้งสองทีมคว้าตั๋วไปฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก ได้สำเร็จ ขณะที่จีนและบาห์เรนต้องตกรอบไป

ความสำเร็จนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการฟุตบอลอินโดนีเซีย เนื่องจากเป็นรอบที่ไกลที่สุดที่พวกเขาเคยเข้าถึงในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกยุคใหม่

ในรอบสี่นี้ คู่แข่งมีความแข็งแกร่งกว่าอย่างแน่นอน ซาอุดีอาระเบีย เป็นทีมที่เข้าร่วมฟุตบอลโลกเป็นประจำ มีผู้เล่นมากประสบการณ์ที่แข่งขันกันในลีกภายในประเทศด้วยความเข้มข้นสูง และได้รับการสนับสนุนจากโครงการพัฒนาระยะยาว ขณะที่ อิรัก ซึ่งปัจจุบันรั้งอันดับ 58 ในการจัดอันดับของ FIFA ก็เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งไม่แพ้กัน

อย่างไรก็ตาม แพทริก ไคลเวิร์ต หัวหน้าโค้ชทีมชาติอินโดนีเซียได้เตรียมกลยุทธ์พิเศษไว้ ด้วยการเล่นที่รวดเร็วและเน้นการเพรสซิ่งสูง ไคลเวิร์ตตั้งเป้าที่จะต่อกรกับการครองบอลของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเกมรับที่แข็งแกร่งและการโต้กลับที่รวดเร็ว

นอกจากยุทธวิธีแล้ว การจัดการเรื่องความฟิตและความแข็งแกร่งทางจิตใจก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ตารางการแข่งขันที่มีระยะห่างกันเพียงสามวันจำเป็นต้องมีการหมุนเวียนผู้เล่นที่มีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าไคลเวิร์ตจะใช้นักเตะดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์ผสมผสานกับผู้เล่นซีเนียร์ที่มีประสบการณ์เพื่อรักษาความเข้มข้นในการเล่น

ความหวังสูงจากแฟนบอลอินโดนีเซีย

แม้ซาอุดีอาระเบียจะเป็นทีมเต็ง แต่ทีมชาติอินโดนีเซียไม่ได้ตั้งเป้าที่จะเป็นเพียงแค่ผู้เข้าร่วม การตั้งเป้าหมายคือการเก็บแต้มสำคัญให้ได้มากที่สุด เนื่องจากฟอร์แมตการแข่งขันรอบคัดเลือกนี้ต้องการความสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อคงไว้ซึ่งโอกาสในการแย่งชิงตั๋วไปฟุตบอลโลก 2026

ผลการแข่งขันที่ดีในการพบกับซาอุดีอาระเบียสองครั้งหลังสุด ทำให้ความหวังในการคว้าชัยชนะของอินโดนีเซียยังคงอยู่ ส่วนในการพบกับอิรัก อินโดนีเซียก็ต้องทำงานอย่างหนักเช่นกัน

การเตรียมทีมของอินโดนีเซียสำหรับเกมกับซาอุดีอาระเบียและอิรักต้องเผชิญกับอุปสรรคเล็กน้อยจากการบาดเจ็บของผู้เล่นคนสำคัญในตำแหน่งกองหน้าอย่าง โอเล่ โรเมนี่ กองหน้าจากสโมสร Oxford United รายนี้ต้องพักรักษาตัวและพลาดเกมอุ่นเครื่องสองนัดของอินโดนีเซียกับไต้หวันและเลบานอน

อย่างไรก็ตาม แพทริก ไคลเวิร์ตยังสามารถพึ่งพานักเตะหน้าใหม่ที่เพิ่งถูกเรียกตัวเข้าทีมชาติได้ เช่น เมาโร่ ซิลจ์สตร้า, มิเลียโน่ โจนาธานส์ และ เอเดรียน วิโบโว่ ซึ่งแสดงผลงานที่น่าพอใจในเกมอุ่นเครื่องกับเลบานอน

สถิติเฮดทูเฮด อินโดนีเซีย vs. ซาอุดีอาระเบีย

ซาอุดีอาระเบียมีสถิติที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน โดยชนะไป 10 จาก 13 นัดที่เคยพบกัน อย่างไรก็ตาม ผลการแข่งขันล่าสุดแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของอินโดนีเซีย รวมถึงการเสมอกัน 1-1 ในเดือนกันยายน 2024 และชัยชนะ 2-0 ในเดือนพฤศจิกายน 2024 ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก

• 30 ก.ย. 1981: ซาอุดีอาระเบีย 3-1 อินโดนีเซีย (Lion City Cup)
• 10 ต.ค. 2003: ซาอุดีอาระเบีย 5-0 อินโดนีเซีย (AFC Asian Cup)
• 14 ก.ค. 2007: อินโดนีเซีย 1-2 ซาอุดีอาระเบีย (AFC Asian Cup)
• 5 ก.ย. 2024: ซาอุดีอาระเบีย 1-1 อินโดนีเซีย (ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก)
• 19 พ.ย. 2024: อินโดนีเซีย 2-0 ซาอุดีอาระเบีย (ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก)

สถิติเฮดทูเฮด อินโดนีเซีย vs. อิรัก

อิรักถือเป็นคู่แข่งที่ยากลำบากสำหรับอินโดนีเซีย โดยอินโดนีเซียไม่สามารถเอาชนะได้เลยตลอด 9 นัดที่เคยพบกันในรายการที่ไม่ใช่ทัวร์นาเมนต์ และได้เพียงผลเสมอ 1 ครั้งในปี 1973

• 16 มี.ค. 1973: อิรัก 1-1 อินโดนีเซีย (ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก)
• 19 พ.ย. 2013: อินโดนีเซีย 0-2 อิรัก (AFC Asian Cup)
• 16 พ.ย. 2023: อิรัก 5-1 อินโดนีเซีย (ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก)
• 6 มิ.ย. 2024: อินโดนีเซีย 0-2 อิรัก (ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก)

แม้จะมีสถิติที่ยากลำบาก แต่ผลการแพ้ที่แคบลงของอินโดนีเซียที่แพ้อิรัก 1-3 ใน AFC Asian Cup ปี 2023 และผล 0-2 ในการพบกันครั้งล่าสุด บ่งชี้ถึงพัฒนาการที่ค่อยเป็นค่อยไปของทีม “การูดา”