การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 ที่จะจัดขึ้นในทวีปอเมริกาเหนือเผชิญกับข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชน โดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวและผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานมองว่าระเบียบปฏิบัติใหม่ของ FIFA ยังขาดมาตรฐานที่สามารถบังคับใช้ได้อย่างจริงจัง
ความกังวลต่อระเบียบปฏิบัติใหม่
แม้ FIFA จะกำหนดให้คณะกรรมการเจ้าภาพทุกเมืองต้องจัดทำแผนปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชน แต่กลุ่มนักเคลื่อนไหว Dignity 2026 Coalition ชี้ว่าระเบียบนี้เป็นเพียง “แผน” ที่ “ไม่สามารถดำเนินการเองได้” และเป็นฉบับที่ลดความเข้มข้นลงจากที่เคยเสนอไว้
- ความล่าช้าในการจัดทำแผน: เมืองเจ้าภาพหลายแห่งในสหรัฐฯ ไม่สามารถส่งร่างแผนงานได้ตามกำหนดในเดือนมีนาคม และกำลังเร่งจัดทำแผนฉบับสมบูรณ์ให้ทันกำหนดเส้นตายในวันที่ 29 สิงหาคมนี้
- ประเด็นที่แตกต่าง: ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในอเมริกาเหนือแตกต่างจากที่เคยเกิดขึ้นในกาตาร์และซาอุดีอาระเบีย โดยเน้นไปที่ประเด็นการเลือกปฏิบัติ, ความปลอดภัย, การป้องกันการค้ามนุษย์, การคุ้มครองคนไร้บ้าน และสิทธิของแรงงานข้ามชาติ
ความตึงเครียดในท้องถิ่นและบรรยากาศทางการเมือง
สถานการณ์ทางการเมืองในสหรัฐฯ โดยเฉพาะนโยบายการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สร้างความไม่สบายใจให้กับหลายฝ่าย
- ประเด็นคนไร้บ้าน: ในเมืองอย่างแอตแลนตาและซานโฮเซ มีความกังวลว่านโยบายที่จะ “กำจัดสัญลักษณ์ของความยากจน” ก่อนฟุตบอลโลกอาจนำไปสู่การจับกุมคนไร้บ้านจำนวนมาก เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในโอลิมปิก 1996 ที่แอตแลนตา
- สิทธิแรงงานและผู้อพยพ: กลุ่มสหภาพแรงงานในไมอามีเรียกร้องให้ FIFA เข้ามาดูแลและปกป้องแรงงานและนักท่องเที่ยว โดยมองว่าการปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการท้องถิ่นซึ่งมีประวัติปัญหาการละเมิดสิทธิแรงงานอาจทำให้ไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง
ท่าทีของ FIFA และการดำเนินการในบางพื้นที่
แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ FIFA ยืนยันว่ากำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับเมืองเจ้าภาพ ขณะที่บางเมืองก็เริ่มแสดงความคืบหน้าแล้ว
- ซีแอตเทิล: องค์กรแรงงานในเมืองได้ลงนามในข้อตกลงมาตรฐานแรงงานร่วมกับคณะกรรมการจัดงาน
- แอตแลนตา: ได้เริ่มโครงการต่อต้านการค้ามนุษย์และพัฒนาเครื่องมือเพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าเมืองมีความมุ่งมั่นในเรื่องสิทธิมนุษยชนมาตั้งแต่ก่อนที่ FIFA จะเข้ามา